มะเกลือ

มะเกลือ

มะเกลือ (Diospyros mollis Griff.)  มะเกลือเป็นพันธุ์ไม้วงศ์เดียวกับมะพลับและตะโก เป็นไม้ต้นไม่ผลัดใบ ขึ้น ตามป่าเบญจพรรณทั่วไป พบมากในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตกเฉียงใต้ ต้นที่โตเต็มที่ สูงได้ถึง ๒๐ เมตร เปลือกต้นสีดำแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ใบเดี่ยว รูปรี ปลายแหลมยาวเพียง ๔-๕ ซม. ดอกสีเหลืองมี ๔ กลีบขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมมากแยกเป็นดอกเพศผู้และดอกเพศเมีย ผลกลม ผิวเกลี้ยง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๒ ซม. สีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อแก่มะเกลือออกดอกระหว่างเดือนมกราคมถึง กันยายน และติดผลระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด           ในสมัยก่อน ผ้าสีดำที่คนไทยใช้ จะย้อมด้วยมะเกลือ โดยชาวบ้านย้อมกันเอง ผ้าย้อมมะเกลือสีดำสนิทสวยงาม ถ้ายิ่งซักหลายครั้งจะยิ่งดำเป็นมัน
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :  Diospyros mollis Gagnep.
วงศ์ :   EBENACEAE
ชื่อสามัญ :    EbonyTree
ลักษณะทั่วไป
ไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 30 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับรูปไข่ หรือรูปไข่แกมขอบขนาน กว้าง 2-3 ซม. ยาว 4-7 ซม. สีเขียวเข้มเมื่อแห้งสีดำ ดอกออกที่ซอกใบ แยกเพศ อยู่คนละต้น ดอกตัวผู้ออกเป็นช่อสั้นๆ ประมาณ 3 ดอก ดอกตัวเมียเป็นดอกเดี่ยว กลีบดอกสีเหลือง ผลสด รูปกลมเกลี้ยง ผลดิบสีเขียว ผลสุกสีดำ มีกลีบเลี้ยง 4 กลีบ ติดอยู่ที่ขั้วผล
สรรพคุณ
ผลดิบสด - ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิได้หลายชนิด ถ่ายพยาธิปากขอได้ดีที่สุด เด็กอายุ 10 ปีใช้ 10 ผล ผู้ที่อายุมากกว่า 10 ปีให้เพิ่มจำนวนขึ้น 1 ผลต่อ 1 ปี แต่สูงสุดไม่เกิน 25 ผล คือผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไปกิน 25 ผลเท่านั้น ล้างให้สะอาด ตำพอแหลก กรองเอาเฉพาะน้ำผสมหัวกะทิ 2 ช้อนชาต่อมะเกลือ 1 ผล กินครั้งเดียวให้หมดตอนเช้ามืด ก่อนอาหาร 3 ชั่วโมง หลังจากนี้ 3 ชั่วโมง ถ้าไม่ถ่ายให้กินยาระบายดีเกลือ โดยใช้ผงดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ ประมาณครึ่งแก้ว เพื่อถ่ายพยาธิและตัวยาที่เหลือออกมา สารที่มีฤทธิ์คือ diospyrol diglucoside
ข้อควรระวัง
ผู้ที่ห้ามใช้มะเกลือได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี หญิงมีครรภ์ หรือหลังคลอดไม่เกิน 6 สัปดาห์ ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารหรือมีอาการปวดท้อง ถ่ายอุจจาระผิดปกติบ่อยๆ และผู้ที่กำลังเป็นไข้ ในการเตรียมยาต้องใช้ผลดิบสด เตรียมแล้วกินทันที ไม่ควรเตรียมยาครั้งละมากๆ ใช้เครื่องบดไฟฟ้า จะทำให้ละเอียดมาก มีตัวยาออกมามากเกินไป ข้อควรระวังเคยมีรายงานว่าถ้ากินยามะเกลือขนาดสูงกว่าที่ระบุไว้ หรือเตรียมไว้นาน สารสำคัญจะเปลี่ยนเป็นสารพิษชื่อ diospyrol ทำให้จอรับภาพ และประสาทตาอักเสบ อาจตาบอดได

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น