คอนสวรรค์
ชื่ออื่น ๆ : สนก้างปลา, พันสวรรค์,เข็มแดง,แข้งสิงห์,( กรุงเทพฯ ), คอนสวรรค์ (เชียงใหม่)
ชื่อสามัญ : -
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ipomea quamoclit Limm.
วงศ์ : CONVOLVULACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ipomea quamoclit Limm.
วงศ์ : CONVOLVULACEAE
ลักษณะทั่วไป:
- ต้น : เป็นพรรณไม้ลมลุก จะมีอายุนานประมาณ 1 ปี ลำต้นจะเลี้อยพันกัน ลำต้นจะเล็กและเรียวมีผิวเกลี้ยง
- ใบ : ใบจะเป็นรูปไข่หรือเป็นรูปขอบขนานกัน และมีความกว้างประมาณ 1-6 ซม. ความยาวประมาณ1-9 ซม. ตรงขอบใบจักเป็นแฉกลีกเป็นแบบขนนก ข้างละประมาณ 9-19 แฉก แฉกนั้นอาจจะอยู่ ตรงข้ามกันหรือเรียงสบับกันส่วนก้านใบจะยาวประมาณ 8-40 มม. ตรงโคนก้านมักจะมีหูใบปลอม
- ดอก : ดอกจะออกเป็นช่อตามง่ามใบจะมีอยู่ประมาณ 2-6 ดอกจะมีก้านช่อดอกยาวประมาณ 1.5-14 ซม. ก้านดอกนั้นยาว 5-20 มม. เมื่อเป็นผลจะใหญ่ขึ้นเป็นรูปกระบอง กลีบรองกลีบดอกจะเป็นรูปขอบ ขนานกัน หรือเป็นรูปช้อนแกมขอบขนาน ตรงปลายมน คู่นอกนั้นยาวประมาณ 4-4.5 มม. คู่จะยาว กว่าเล็กน้อย ผิวเกลี้ยง กลีบดอกนั้นจะเชื่อมติดกันเป็นทรงแจกมีความยาวประมาณ 2-3 ซม. ปลาย ของมันจะแยกออกเป็นแฉกแหลม 5 แฉก จะมีสีแดง หรือบางทีจะมีสีขาว
- เกสร : เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียนั้นจะโผล่พันกลีบดอก ส่วนเกสรตัวผู้จะมีขนอยู่ที่โคน
- รังไข่ : รังไข่นั้นจะมีลักษณะผิวเกลี้ยง
การขยายพันธุ์ : โดยการใช้เมล็ด
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น และเมล็ด ใช้เป็นยา
สรรพคุณ :
- ทั้งต้น เป็นยาเย็น ใช้รักษาพิษงูกัด และเป็นยานัตถุ์ ยารุ
- ใบ นำมาตำทำเป็นยาพอกริดสีดวงทวารที่มีเลือดออก รักษาสิวหัวช้าง หรือฝีฝักบัว
- เมล็ด ใช้เป็นยาระบายและเป็นยาบรรเทาอาการปวดท้อง
พรรณไม้นี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาเขตร้อนและได้กระจายแพร่พันธุ์เอง ตามป่าละเมาะหรือ ตามที่รกร้างว่างเปล่า ตามไร่ ตามนา ขึ้นในระดับสูงประมาณ 1,200 ม. มักนิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น